
อุเมะชู ดื่มเบาๆ เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น
อุเมะชู ดื่มเบาๆ เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีดีแค่สาเกโบราณที่ขึ้นชื่อ แต่ยังมีเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่ง ที่ชาวญี่ปุ่นให้ความนิยม เพราะเป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ผสมกับน้ำหวานไปในตัว กึ่ง cocktail ก็ว่าได้ นั่นก็คือ “เหล้าบ๊วย“ ซึ่งจะมีปริมาณของแอลกอฮอล์เบาๆ และยังมีรสชาติของบ๊วยที่มีความอร่อย ซึ่งผู้ดื่มจะเน้นรสชาติที่มีความเอร็ดอร่อยมากกว่าที่จะดื่มเพื่อสังสรรค์ให้เกิดความมึนเมา
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่นจะเน้นไปทางรสชาติที่มีความหวานนำและอมเปรี้ยวตาม การหมักนอกจากหมักกับแอลกอฮอล์แล้วก็จะมีน้ำตาล และพระเอกของเรานั่นก็คือบ๊วยซึ่งจะต้องมีคุณภาพ เนื้อเยอะ เพื่อทำให้รสชาติของบ๊วยมีความชัดเจน เนื่องจากผู้ที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ จะเป็นผู้ที่นิยมกินบ๊วยด้วยส่วนหนึ่ง ปัจจุบันนี้มีผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมบ๊วยหลายแบรนด์ ซึ่งทำให้มีสูตรของเครื่องดื่มแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ที่มีระดับแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 4 เปอร์เซ็นต์ไปจนถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ก็จะมีตั้งแต่ผสมน้ำบ๊วยไปจนถึงผสมเนื้อบ๊วยลงไปในเครื่องดื่มด้วย
กล่าวกันว่าเครื่องดื่มชนิดนี้มักจะนิยมกันในหมู่ผู้หญิงที่ไม่นิยมดื่มมากนัก แต่จะดื่มเป็นเพียงแค่การเข้าสังคมเท่านั้น แท้จริงแล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมบ๊วยชนิดนี้สามารถดื่มได้ทุกเพศ ถ้าจะเน้นในเรื่องของการดื่มเพื่อสังคมหรือดื่มเพื่อความอร่อย โดยไม่ต้องการเน้นหนักในเรื่องของแอลกอฮอล์ ก็สามารถดื่มได้ทั้งหมด เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ไม่ได้รักในการดื่มมากนัก อุเมะชูหรือเครื่องดื่มแอกอฮอล์ผสมบ๊วยนี้ไม่ใช่เครื่องดื่มสมัยใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น
แต่ประวัติบ๊วยของญี่ปุ่นนี้เกิดขึ้นมานานแสนนานแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ 750 ซึ่งพบหลักฐานจากบทกวีของ “มันโยะชู” และเหตุผลหนึ่งที่ได้ทำการคิดค้นนำบ๊วยมาผสมกับการหมักเหล้านั้น เนื่องจากมีการบันทึกในหนังสือตำราอาหารของ “ฮงโจ โชะคัง“ กล่าวว่าบ๊วยเป็นยารักษาโรค ซึ่งสามารถรักษาอาการคอแห้งและอาการเจ็บคอ ละลายเสมหะลดความอยากอาหารและที่สำคัญสามารถละลายสารพิษได้ ภูมิปัญญาทางด้านอาหารและภูมิปัญญาทางด้านการแพทย์ จึงได้นำบ๊วยมาผสมกับการหมักเหล้า เปรียบเสมือนการใช้บ๊วยเป็นยาสมุนไพรไปในตัว เมื่อยามที่ต้องดื่มเหล้านั่นเอง
นอกจากนี้ทางประเทศญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับบ๊วยถึงขนาดที่กองทัพจะต้องมีการนำบ๊วยดองติดตัวเป็นเสบียงหลักเอาไปด้วยในยามออกศึกหรือรวมไปถึงในยุคโบราณที่บังคับให้บ้านขุนนางหรือบ้านทหารต้องปลูกต้นบ๊วย บ้านละ 3 ต้น ในวันที่บ้านของทหารหรือขุนนางเหล่านั้นได้มีคนในครอบครัวได้ให้กำเนิดลูกด้วย