ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทนกกะเรียนขาว

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทนกกะเรียนขาว

ปราสาทสีขาวตั้งตระหง่าน ตระการตา แห่งเมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะ เป็นปราสาทที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น  เป็นสมบัติระดับชาติของประเทศญี่ปุ่นและยังถูกจัดให้เป็นมรดกของโลกอีกด้วย ปราสาท ฮิเมจิ สร้างขึ้นเมื่อ ค.. 1346 และมีการซ่อมแซม ช่วงหลังปี ค.. 1950 เป็นต้นมาอยู่เนือง ๆ ปราสาทแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก ในเดือนธันวาคม ปี ค..1993

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทนกกะเรียนขาว

เอกลักษณ์ของปราสาทแห่งนี้ คือความงดงามที่เป็นสีขาวล้วน และมีหลังคาสยายปีกดั่งนกกระเรียน  ถึงแม้จะดูมีความสวยงามอ่อนช้อย แต่ตัวปราสาทเน้นการสร้างตัวอาคารที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยวัตถุประสงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการป้องกันตัวเมืองและมีไว้สู้รบป้องกันตัวเมืองหากมีการบุกรุกทำสงคราม มิได้สร้างขึ้นมาเพื่ออยู่อาศัยแต่อย่างใด ปราสาทสีขาวแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ปราสาทมัตสึโมโต้ หรือปราสาทอีกาดำ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการเช่นกันและมีเอกลักษณ์เป็นสีดำทั้งหลัง เรียกได้ว่าเป็นปราสาทพี่ ปราสาทน้อง ก็ว่าได้

ปราสาทแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทั้งบริเวณนอกปราสาทและภายในตัวปราสาท แต่จะปิดช่วงวันที่ 29-30 ธันวาคมของทุกปี และบัตรที่จำหน่ายเพื่อเข้าชมภายในป้อมปราการ จะมีการจำหน่ายแค่ 15,000 ใบ ต่อวันเท่านั้น ส่วนบริเวณภายนอก ไม่มีการจำหน่ายบัตร สามารถเที่ยวชมได้ตามปกติ บริเวณที่น่าสนใจสำหรับการเที่ยวชมลำลึกถึงอดีตและชื่นชมเสน่ห์เก่าแก่ของปราสาทแห่งนี้ ได้แก่

กำแพงหิน

ที่ต้องสร้างกำแพงด้วยหินเพื่อให้ยากต่อการโจมตีจากผู้บุกรุก  ความน่าทึ่งของกำแพงหินนี้ คือการสร้างหินซ้อนกันจนได้กำแพงที่แข็งแกร่งด้วยแรงคน

คูน้ำรอบปราสาท

เป็นคูน้ำที่ตั้งใจขุดขึ้นมามิได้เกิดโดยธรรมชาติซึ่งจะมีชั้นนอกชั้นกลางชั้นในเพื่อทำให้ข้าศึกบุกเข้าถึงกำแพงปราสาทยากขึ้น

กำแพงสังเกตการณ์

เป็นกำแพงที่สร้างช่องเล็กๆไว้ที่กำแพงเพื่อค่อยซุ่มดูสถานการณ์ภายนอกกำแพงและมีไว้เพื่อยิงปืนและยิงธนูขับไล่ข้าศึก ส่วนการเดินเข้าในตัวปราสาท ถูกสร้างให้ดูวกวนเพื่อยากต่อการเข้าถึงตัวปราสาท กว่าข้าศึกจะเข้าถึงตัวปราสาทได้คงเหนื่อยน่าดู เพราะมีหอป้องกันอยู่โดยรอบ ประตูอีกหลายบานที่คอยหลอกล่อให้รู้สึกงงงวย ภายในตัวปราสาทจะมีด้วยกัน 7ชั้น

ทางขึ้นเป็นบันใดที่ไม่กว้างมากนัก ชั้นบนสูงสุดเป็นสถานที่จัดตั้งศาลเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ชั้นอื่น ๆ เป็นที่เก็บตัวของเหล่าทหาร ซามูไร และเป็นสถานที่กักเก็บอาวุธครบครัน และที่นี่จะมีชั้นใต้ดินสำหรับสะสมคลังเสบียง นอกจากนี้ ยังมีห้องขนาดยาวทางลาดให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม สัมผัสบรรยากาศ สมัยโบราณ ซึ่งในอดีตใช้เป็นทางเดิน ที่พบปะ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันปราสาทแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่จุดชมดอกซากุระในช่วงที่ดอกซากุระผลิบานซึ่งส่วนใหญ่จะมีขึ้นช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกด้วยถ้าหากได้มาช่วงนั้นปราสาทสีขาวและความงดงามของดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่งมองดูเหมือนภาพเขียนที่มีชีวิต

และเป็นสถานทีท่องเที่ยวช่วงฤดูใบไม่ร่วง หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่เหล่าใบไม้พากันเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือสีแดงอมส้ม สะพรั่งสดใสไปทั่วรอบ ๆ ปราสาท  สีสดดั่งภาพเขียนในจินตนาการ เหมือนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งทีเดียว

ยิ่งเวลากลางคืนที่มองจากข้างนอกเข้าไปในตัวปราสาทที่ถูกสาดแสงไฟยิ่งดูงดงามเหมือนภาพในความฝันแต่ทว่าปราสาทแห่งนี้ไม่ได้เปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนเพียงแต่ถ้าได้มีโอกาสได้ที่พักที่สามารถมองเห็นวิวปราสาทยามค่ำคืนได้คงโชคดีไม่น้อยเลย

 

# วัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะ