นั่งรถไฟ ทัวร์โตเกียว เที่ยวเพลิน ๆ

นั่งรถไฟ ทัวร์โตเกียว เที่ยวเพลิน ๆ

ทุกคนรู้ โลกรู้ นักท่องเที่ยวรู้ ว่าประเทศญี่ปุ่น มีรถไฟฟ้าถือกำเนิดขึ้นมานานมาก  นานกว่าประเทศไทยอยู่หลายปี ซึ่งก็เป็นรถไฟความเร็วสูงซะด้วยดังนั้นหากไปถึงญี่ปุ่นแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าจะหาวิธีการเที่ยวแบบง่ายๆ แบบไม่ต้องยุ่งยากไม่ต้องมึนหัว ไม่ต้องง้อไกด์แล้วล่ะก็ เราสามารถใช้วิธีการนั่งรถไฟฟ้านี่แหละท่องเที่ยวได้ตามสถานีสำคัญ ๆ ได้เลย ประหยัดกว่านั่งแท็กซี่ และได้สัมผัสกับอรรถรสในการใช้ชีวิตแบบชาวญี่ปุ่นอีกด้วย  เนื่องจากรถไฟฟ้าดังกล่าววิ่งผ่านสถานีที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยในบางแห่งอยู่แล้วนับว่าเป็นวิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่สะดวกไปอีกแบบหนึ่งสบายด้วยอีกต่างหาก

นั่งรถไฟ ทัวร์โตเกียว เที่ยวเพลิน ๆ

บทความเราจะพูดถึงรถไฟ 2 สายหนังสือรถไฟสาย Jr และรถไฟใต้ดิน ซึ่งก็เปรียบเหมือนรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน ของทางเมืองไทยนั่นเอง มาดูกันดีกว่าว่ารถไฟแต่ละสายพาเราไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง รถไฟใต้ดินสาย กินซ่า (Ginza) นั่งมาลงสถานี อะซากุสะ ( Asakusa) คุณจะได้ท่องเที่ยวที่วัด เซนโซจิ หรือวัดโคมแดงในตำนาน ชื่อดัง แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นยอดฮิตที่ พลาดไม่ได้ เพราะนอกจากจะได้ไหว้พระขอพรแล้ว ยังได้เดินชิมอาหารอร่อย ช้อปปิ้งของที่ระลึกและสินค้าแฟชั่นได้อีกด้วย

นั่งรถไฟ ทัวร์โตเกียว เที่ยวเพลิน ๆ

รถไฟสาย Jr ยามาโนเตะ (Yamanote) ขึ้นไปลงสถานี  ชินจูกุ (Shinjuku)  แหล่งช็อปปิ้งยอดฮิตอันทันสมัยที่มีทั้งอาหารและสินค้าแฟชั่นหลากหลายแล้ะเครื่องสำอางแบรนด์ดังมากมายสถานที่แห่งนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติไปที่ชอบความอึกทึกไม่เหงาแน่นอน เมื่อมาถึงที่นี่แนะนำให้ขึ้นไปเที่ยวชมวิวมุมสูงที่ Tokyo Metropolit Govenment ชั้น 45 ที่เปิดให้บริการชมวิวฟรี เก๋ ๆ เลย รถไฟใต้ดิน สาย อะซากุสะ/ฮานโซม่อน ( Asakusa / Hanzomon) นั่งไปลงสถานี โอชิเกะ (Oshiage)  ที่นี่มีบริการเข้าชม ตึก Tokyo Skytree มีความสูง 634 เมตรหากไม่มีหมอกมากเกินไป อาจมองเห็นภูเขาไฟฟูจิบ้างในบางโอกาส จุดชมวิวแห่งนี้ จัดความสูงไว้ที่ 350 เมตร แต่เพียงแค่นี้  ก็ได้ชมวิวกันแบบจุใจและประทับใจแบบไม่รู้ลืมแล้วล่ะ

รถไฟใต้ดินสาย ชิโยดะ (Chiyoda) ไปยังสถานี มารุโนชิ (Marunouchi) เดินออกทางประตูที่ 6 คุณจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สงบเงียบ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะมาเดินชมสะพานโบราณที่ในอดีตเป็นสะพานไม้พื้นเมืองดั้งเดิม แต่เวลาต่อมาใน ปี 1964  ถูกปรับปรุงใหม่ด้วยการนำเหล็กมาสร้างเพื่อให้มีความแข็งแรงทนทาน สะพานโบราณแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมเข้าสู่ พระราชวัง ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้จะเปิดให้เข้าเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือในวันปีใหม่ และ วันพระราชสมภพขององค์พระมหาจักรพรรดิ ไม่สามารถเข้าชมในวันปกติได้ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมสะพานโบราณและบริเวณพื้นที่แห่งนั้น กันอย่างต่อเนื่อง

รถไฟสาย JR Yamanote ไปยังสถานี ฮาราจูกุ (Harajuku) คุณจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง สุดฮิต สำหรับสายช็อปปิ้ง ทั้ง Harajuku และ Takeshia  ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน แต่ก็สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ทั้งสองที่  สถานที่นี้เป็นสังคมสายช็อปปปิ้ง ที่มีทั้งแฟลั่นทันสมัยต่าง ๆ ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของที่ระลึกมากมาย ใครที่ได้มาเดิน อาจจะเดินไม่หมดภายใน 1วัน เพราะมีสินค้าเยอะมากจริง ๆ  ค่อย ๆ เลือกซื้อนะ

แนะนำว่าอย่าลืมซื้อเครปญี่ปุ่นของแท้ลองกินดู เครปที่นี่ต้องต่อคิวซื้อทุกร้านเพราะเป็นเครปที่  อร่อย เนื้อครีมจะไม่เหมือนที่เรากินที่เมืองไทยเลย ซึ่งสูตรก็ยังหายากว่าทำอย่างไร ดังนั้นไปญี่ปุ่นแล้วพลาดไม่ได้นะตัวเธอ

 

# วัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะ ตอนที่ 2